ในการผูกเรื่องเพื่อการนำเสนอสินค้าเพื่อจูงใจให้เกิด ความต้องการ หรือเพื่อเป็นการชักชวนผู้มุ่งหวังร่วมทำธุรกิจ เป็นประตูด่านแรกที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ แต่..แนวทางในการพูดอย่างไรล่ะ ที่จะตรงใจและถูกใจคนฟัง การ วางแนวทางในการพูดเปรียบเสมือนการวางแผนการเดินทาง ถ้ามีการวางแนวดี จะทำให้เราพูดอย่างเป็นขั้นตอน เข้าใจง่าย ไม่สับสน และยังทำให้เกิดความง่ายในการจูงใจผู้มุ่งหวังอีกด้วย
แนวทางในการวางขั้นตอนในการนำเสนออย่างเป็นระบบ เบื้องต้นที่จะนำเสนอให้กับท่านนักขายคือ
๑.ตั้งประเด็นเป็นลักษณะคำถาม (Question) ความอยากรู้อยากเห็นของคน ย่อมเกิดจากประเด็นสำคัญที่สุดคือ คำถาม เพราะเป็นการค้นหาคำตอบที่ต้องการอยากรู้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ความอยากรู้ในใจนี่แหละ จึงกลายมาเป็นคำพูดที่ออกมาในลักษณะของคำถาม ดังนั้นเมื่อผู้มุ่งหวังอยากรู้อะไร เราก็เตรียมคำตอบให้เขาล่วงหน้าหรือนำสิ่งที่เขาอยากรู้นั่นแหละ มาเป็นแนวทางในการนำเสนอของเราเลย วิธีคิดง่าย ๆ ก็คือ ทำความรู้สึกว่าเราเป็นเขา แล้วเราอยากรู้อะไร ก็หาคำตอบ แล้วนำเอาคำตอบเหล่านั้นมาเป็นประเด็นในการพูด เช่น สินค้านี้มีรับประกันไหม? ทานแล้วจะมีผลกระทบต่อร่างกายอย่างไร? ต้องทานต่อเนื่องนานแค่ไหน? บริษัทมีความมั่นคงแค่ไหน? คอมมิชชั่นออกวันไหนบ้าง? ทำแล้วรวยจริงหรือเปล่า? บริษัทเอาเงินจากไหนมาจ่าย? เป็นต้น
๒.ยกตัวอย่างที่เหมาะสมแล้วโยงเข้าสินค้า (Example) สิ่งทีคนชอบฟังเป็นอย่างมากก็คือ ตัวอย่าง ไม่ว่าจะเป็นตัวอย่างของผู้ที่ทานที่ใช้สินค้าของเรา แล้วมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น หรือความสำเร็จในการทำงานของดาวน์ไลน์และอัพไลน์ ที่ทำให้เขาเปลี่ยนชีวิตจากคนจน ๆ คนหนึ่งกลายมาเป็นคนที่มีทุกอย่างสมบูรณ์ หรืออาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงไปของสังคมและการดำเนินชีวิต ซึ่งสินค้าและบริการของเรามีส่วนในการทำให้ชีวิตกลับมาส่วนสมบูรณ์เหมือน เดิม เช่น จากสภาพสังคมและการจราจรที่มีการเปลี่ยนแปลงไป และการทำงานที่มีการแข่งขันกันสูง ทำให้มีเวลาในการพักผ่อนน้อย ทำให้กระบวนการซ่อมแซมตัวเองของร่างกายมีไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายของเราอ่อนเพลีย ซึ่งสินค้า (อาหารเสริม) ของเราจะเข้าไปช่วยเร่งกระบวนการในร่างกายให้มีส่วนในการซ่อมแซมร่างกายได้ เร็วขึ้น เป็นต้น
๓.กล่าวถึงปัญหาแล้วหาหนทางแก้ไข (Solve the Problem) กระบวนการหนึ่งในการนำเสนอที่คนทั่วไปอยากรู้ก็คือ เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นแล้ว สินค้าและบริการของเราจะมีการแก้ไขอย่างไร บ่อยครั้งที่นักขายหรือนักธุรกิจเครือข่ายไม่สามารถขายสินค้าและบริการ หรือไม่สามารถชักชวนผู้มุ่งหวังให้สนใจในการร่วมธุรกิจได้ เนื่องจากไม่สามารถชี้ให้เห็นได้ว่าสินค้าและบริการของเราจะไปช่วยให้เขาแก้ ปัญหาในชีวิตของเขาได้ เช่น เนื่องจากว่าการทำงานในปัจจุบันนี้มีการแข่งขันกันสูง ทำให้ในแต่ละวันไม่สามารถทานอาหารได้ตรงตามเวลา อาหารเสริมของเรา จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถช่วยแก้โรคกระเพาะที่เป็นอยู่ได้ เพราะจะมีใยอาหารที่ช่วยให้การทำงานของน้ำย่อยในกระเพาะมีการทำงานตามปกติ เป็นต้น
๔.แสดงทรรศนะของตนและให้เหตุผล (Attitude and Reason) สิ่งหนึ่งที่มีความน่าสนใจในเรื่องราวที่นำเสนอก็คือ เหตุผลอะไรที่ทำให้เราต้องตัดสินใจมาทำธุรกิจนี้อย่างเต็มตัว ซึ่งบางคนถึงกับลาออกจากงานประจำซึ่งมีเงินเดือนเป็นหมื่น ๆ แล้วมาทำธุรกิจ ซึ่งจะต้องเป็นการนำเสนอจุดเปลี่ยนชีวิตของเราให้ผู้มุ่งหวังได้ฟัง แต่ประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่การนำเสนอทรรศนะของเราจะต้องเป็นเหตุเป็นผล เป็นขั้นเป็นตอน แสดงถึงความน่าเชื่อถือ ซึ่งน่าจะเป็นข้อมูลที่ดีที่จะทำให้เขาจะได้นำไปเปรียบเทียบกับชีวิตของเขา แล้วจะได้เกิดแง่คิดหรือเกิดคำถามในตัวเองว่า เขาน่าจะเปลี่ยนชีวิตของเขาเหมือนกับเราดีหรือเปล่า หรืออย่างน้อยเขาจะได้แง่คิดแล้วเอาไปทำเป็นงานเสริมให้กับตัวของเขาเอง ก็ยังดี ซึ่งเพียงแค่เขาคิดอย่างนี้แล้วโอกาสที่จะทำให้เขาลงมาทำธุรกิจเต็มตัวก็ไม่ยากไป
ก่อนจากกันฉบับนี้ขอฝากวาทะเสริมสร้างพลังปัญญาสำหรับนักขาย จาก ร้อยเอก ศ.ดร.จิตรจำนงค์ สุภาพ ในการพูดเพื่อจูงใจว่า “หมั่น ศึกษาหาข้อมูลรอบตัวอยู่เสมอ เพราะจะเป็นวัตถุดิบที่พร้อมจะป้อนเข้าสู่โรงงานสมองของเรา ให้พร้อมที่จะผลิตสิ่งสำเร็จรูปออกมาได้ทุกโอกาส”
อ้างอิง : นสพ.เส้นทางนักขาย ปีที่ 6 ฉบับที่ 141 ปักษ์แรก ประจำวันที่ 1-15 ตุลาคม 2551